ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ จึงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน ระดับธุรกิจ จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาตนเองทั้งในระดับบุคคล ธุรกิจและเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
ความพอเพียงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นสามารถแบ่งระดับออกได้เป็นหลายๆ ระดับ เช่น ระดับบุคคลและครอบครัว/นั้นใช้หลักตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนในทั้ง 5 ด้านคือ จิตใจ สังคม เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ให้ระดับบุคคลและครอบครัวรู้จักคำว่า “พอ” ก็คือไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น พยายามพัฒนาตนเองเสริมสร้างความเข้มแข็งและความชำนาญ มีความสุขและความพอใจกับชีวิตที่พอเพียง ยึดหลักทางสายกลางในการดำรงชีวิต นอกจากนั้นยังสามารถประยุกต์ใช้กับระดับชุมชน ระดับรัฐหรือระดับประเทศ ระดับนักธุรกิจ ระดับนักการเมือง ระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ระดับครู อาจารย์ สามารถนำไปใช้ได้กับคนทุกวัย ทุกศาสนา หรือนำไปกำหนดนโยบายของงานหรือระบบต่างๆ เช่นการเงิน การคลัง ระบบการศึกษา ระบบเกษตร ความพอเพียงสามารถแบ่งเป็นระดับได้ดังนี้
1) ความพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว มุ่งเน้นให้บุคคลและครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งทางกายและทางใจ พึ่งพาตนเองอย่างเต็มความสามารถ ไม่ทำอะไรเกินตัว ดำเนินชีวิตโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น รวมถึงใฝ่รู้และมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงในอนาคตและเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้ในที่สุด เช่น หาปัจจัยสี่มาเลี้ยงตนเองและครอบครัว จากการประกอบสัมมาชีพ รู้ข้อมูลรายรับ – รายจ่าย ประหยัดแต่ไม่ใช่ตระหนี่ ลด – ละ – เลิก อบายมุข สอนให้เด็กรู้จักคุณค่า รู้จักใช้รู้จักออมเงินและสิ่งของเครื่องใช้ ดูแลรักษาสุขภาพ รู้จักการแบ่งปันกันในครอบครัว ชุมชน และสังคมรอบข้าง รวมถึงการรักษาวัฒนธรรมประเพณี และการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัวควรพิจารณาว่าจะเลือกหาน้ำใส่ตุ่มซึ่งก็คือการหารายได้เพิ่มหรือจะเลือกอุดรูรั่วของตุ่มซึ่งก็คือการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ว่าควรทำสิ่งใดก่อนหลัง
2) ความพอเพียงระดับชุมชน เป็นผลจากการที่ประชาชนรวมกลุ่มกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ช่วยเหลือเกื้อกูลกันภายในชุมชนบนหลักของความรู้รักสามัคคี สร้างเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันทั้งในชุมชนและนอกชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การรวมกลุ่มอาชีพ องค์กรการเงิน สวัสดิการชุมชน การช่วยดูแลรักษาความสงบ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในชุมชน มาสร้างประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็งและมีความเป็นอยู่ที่พอเพียง
3) ความพอเพียงในภาคธุรกิจเอกชน เริ่มจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่หวังผลประโยชน์ หรือกำไรระยะยาวมากกว่าระยะสั้น แสวงหาผลตอบแทนบนพื้นฐานของการแบ่งปัน มุ่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงาน ด้านการขยายธุรกิจต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปรวมทั้งต้องมีความรู้และเข้าใจธุรกิจของตนเอง รู้จักลูกค้า ศึกษาคู่แข่ง และเรียนรู้การตลาดอย่างถ่องแท้ ผลิตในสิ่งที่ถนัดและทำตามกำลัง สร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง มีการเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อสังคม และป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญต้องสร้างเสริมความรู้และจัดสวัสดิการให้แก่พนักงานอย่างเหมาะสม
4) ความพอเพียงระดับประเทศ เป็นการบริหารจัดการประเทศโดยเริ่มจากการวางรากฐานให้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่อย่างพอมีพอกิน และพึ่งตนเองได้ มีความรู้ มีคุณธรรมในการดำเนินชีวิต มีการรวมกลุ่มของชุมชนหลายๆ แห่ง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สืบทอดภูมิปัญญา และร่วมกันพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจแบบสังคมแบ่งปันบนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่างรู้รักสามัคคี เสริมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างชุมชนให้เกิดเป็นสังคมแห่งความพอเพียงในที่สุด
การเสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักถึงหน้าที่ มีความรักความสามัคคีของคนในชาติ รวมทั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีผลกระทบมาจากกระแสโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน และให้ประชาชนมีความตระหนักว่าการปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรมจะเป็นเครื่องมือสำคัญ และมีพลังในที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆ และเยาวชนคนรุ่นหลังให้มีความรู้เพียงพอที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมที่แวดล้อมไปด้วยปัญหาต่างๆ ในปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งเสริมสร้างความพอเพียงให้กับสถาบันครอบครัวอันเป็นสถาบันหลักพื้นฐานที่สำคัญของสังคมไทย ความพอเพียงของชุมชน และความพอเพียงของประเทศ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นอันจะเป็นการช่วยลดสภาวะความเสี่ยงของประเทศชาติและประชาชนได้อย่างแท้จริง