เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญามนุษยนิยม เพราะเป็นปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับคนหรือมนุษย์มากที่สุด พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนามนุษย์ ดังพระราชดำรัสว่า “ระเบิดจากข้างใน” ดังนั้น การพัฒนามนุษย์จึงเป็นหัวใจสำคัญในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“…การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตั้งตัวให้มีความพอกินพอใช้ ก่อนอื่นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดเพราะผู้มีอาชีพ และฐานะเพียงพอที่จะพึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถสร้างความเจริญในระดับสูงขั้นต่อไป…”
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2517
แม้ว่าการพัฒนาชุมชนด้วยตัวของคนในชุมชนเองจะเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องของการระเบิดจากข้างใน ที่ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตทางด้านเศรษฐกิจและการงานอาชีพ แต่จุดเริ่มต้นต้องเกิดจากการพึ่งตนเองในเชิงปัจเจก ซึ่งเป็นหลักมนุษยนิยมที่ให้ความสำคัญกับปัจเจกบุคคลในฐานะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ ความคิด สติปัญญา เป็นพื้นฐานในการพัฒนาและสนับสนุนทางด้านอื่นๆ ต่อไป
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า มิติการพัฒนาต้องเริ่มต้นจาก “การพึ่งตนเอง” โดยรู้จักประมาณตนและดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และ “ทำตามลำดับขั้น” โดยต้องสร้างพื้นฐานความเป็นอยู่ของประชาชนและครอบครัวให้พอมี พอกิน พอใช้ก่อน แล้วจึงพัฒนาต่อไปเป็นการแลกเปลี่ยน การรวมกลุ่มช่วยเหลือพึ่งพากันและร่วมกันพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้แล้วจึงพัฒนาเครือข่ายเชื่อมกับสังคมภายนอก เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
การเน้นเรื่องความพอเพียงในระดับปัจเจกชนแล้วพัฒนาขยายออกไปตามลำดับขั้นเช่นนี้ ในทางตะวันตก นักมนุษยนิยม ชื่อ มาสโลว์ (Maslow) ได้เสนอเอาไว้ในทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of Needs) ประกอบด้วย
- ความต้องการพื้นฐานทางด้านกายภาพ (Physiological Needs)
- ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Safety Needs)
- ความต้องการความรักและสังคม (Belonging and Love Needs)
- ความต้องการการได้รับการยกย่องนับถือในตนเอง (Esteem Needs)
- ความต้องการพัฒนาศักยภาพของตน (Self-actualization)
เมื่อพิจารณาเศรษฐกิจพอเพียงในฐานะที่ส่งเสริมมนุษยนิยม กลับพบว่า มีข้อแตกต่างกันระหว่างปรัชญามนุษยนิยมตะวันตกกับปรัชญามนุษยนิยมแบบไทยบนพื้นฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากหลักการ แนวคิด ทฤษฎีมนุษยนิยมสมัยใหม่ของทางตะวันตกนั้นวางอยู่บนพื้นฐานปรัชญาสสารนิยม แต่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความทวินิยมที่ให้ความสำคัญทั้งในด้านกายภาพและจิตวิญญาณ โดยเฉพาะในระดับจิตวิญญาณนั้นเป็นการหลุดพ้นจากความเป็นทาสแห่งอคติ ตัณหา อารมณ์ เป็นการดำรงตนด้วยความไม่ประมาทด้วยสติปัญญา
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ความสำคัญกับเรื่องของ “ความต้องการ” ที่เกิดขึ้นเพื่อ การบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด
ความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดนี้ คือ ความต้องการชนิดที่เรียกว่า “ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ” ในทางพุทธศาสนา เรียกความต้องการชนิดนี้ว่า “ตัณหา”
โดยธรรมชาติของสัญชาตญาณสัตว์นั้น มีการรับรู้และตอบสนองเป็นพื้นฐาน สิ่งใดที่พอใจก็จะกอบโกยหรือดึงดูดเข้าหาตัว สิ่งใดที่สร้างความไม่พอ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดก็จะผลักดันออกไปจากวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้หรือการหลบหนีด้วยความกลัว แต่มนุษย์มีมากกว่านั้น กล่าวคือ มนุษย์สามารถคิดได้ เพราะมนุษย์มีสมองจึงมีศักยภาพในการคิด และการที่มนุษย์คิดได้นี้เอง มนุษย์จึงได้เปรียบสัตว์อื่นโดยทั่วไป แม้แต่เรื่องของการกอบโกยสิ่งที่พอใจหรือผลักดันสิ่งที่เจ็บปวดหรือไม่ต้องการออกจากชีวิต มนุษย์จะมีวิธีการ มีแผนการที่แยบยลกว่าสัตว์ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน และไวต่อการตัดสินใจ บ่อยครั้งที่มนุษย์ไม่เท่าทันความคิดของตัวเอง มนุษย์คิดเพื่อตอบสนองความอยากด้วยความไม่รู้สึกตัว จึงดำรงตนอยู่ในหนทางแห่งความประมาท ขาดสติปัญญาในการดำรงชีวิต เมื่อความคิดของมนุษย์เป็นทาสของตัณหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จึงหลงอยู่กับอคติ ได้แก่ หลงไปกับความพอใจ เมื่อไม่พอใจก็โกรธ หงุดหงิด อาฆาต เมื่อเกิดความอยากได้ดั่งใจ จิตใจอีกด้านหนึ่งก็เกิดความกลัวว่าจะไม่ได้ดั่งใจ อาการเช่นนี้ไม่สามารถแก้ได้ด้วยความคิด แต่ต้องหยุดคิดเสียก่อน เพื่อให้จิตสงบ มีปัญญาพร้อมพิจารณาถึงความต้องการภายในที่ผลักดันให้เกิดความคิด สิ่งนี้คือสมรรถภาพทางปัญญา หรือ Soft Skill ที่เป็นทักษะสำคัญในการทำให้จิตใจเป็นกลางหรือสามารถดำรงตนอยู่ในหลักคุณธรรมได้อย่างมั่นคง เป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝนจนคล่องแคล่ว